ชื่อของ สเวน บอทแมน อยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวกีฬาทั่ว ยุโรป ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา หลังจากที่เจ้าตัวตกเป็นเป้าหมายการเสริมทัพของ แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ก่อนจะเลือกอยู่กับ ลีลล์ ต่อจนสามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกมาครองได้อย่างเหนือความคาดหมาย มาถึงฤดูกาลนี้ ฟอร์มการเล่นของเขายังคงสม่ำเสมอและโดดเด่นจนไปเตะตา นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ทีมเศรษฐีใหม่ที่กำลังต้องการยกระดับแนวรับของตัวเองอย่างเร่งด่วนไปจนถึง เอซี มิลาน ที่เพิ่งจะเสีย ซิมง เคียร์ แข้งคนสำคัญไปให้กับอาการบาดเจ็บ แต่จนแล้วจนรอดก็ดูเหมือนว่าต้นสังกัดของแข้งชาว ดัตช์ ได้ตัดสินใจปฏิเสธทุกข้อเสนอ โดยหวังให้ บอทแมน อยู่ค้าแข้งกับทีมต่อไปอย่างน้อยก็จนจบฤดูกาลเพื่อกู้สถานการณ์ของทีมที่ร่วงไปอยู่กลางตารางหลังเสียผู้เล่นตัวหลักไปพร้อมๆกับผู้จัดการทีมของตัวเอง แต่อะไรที่ทำให้เขาได้รับความสนใจจากทั่วทุกสารทิศขนาดนี้? – เรามารู้จักกับ บอทแมน ให้มากขึ้นสักเล็กน้อยดีกว่า

  1. สไตล์การเล่น
    บอทแมน มีสไตล์การเล่นแบบกองหลังสมัยเก่าที่เน้นเรื่องเกมรับเป็นหลัก การผ่านบอลของเขาจะถูกจำกัดอยู่แค่ในระยะสั้นๆเท่านั้น เรามักจะได้เห็นแข้งวัย 21 ปีรายนี้เตะเปิดเกมให้ผู้เล่นตัวรุกก็ต่อเมื่อทีมคู่แข่งเปิดเกมรุกแบบดันสูงเข้าใส่เท่านั้นและหากมีช่องว่าง บอทแมน ถึงจะลองหาโอกาสสร้างสรรค์เกมด้วยตัวเอง แต่ส่วนมากเขามักจะไม่ค่อยเก็บบอลไว้กับตัวนานนัก
  2. จุดแข็ง
    ด้วยความสูงเกือบสองเมตร (1.95 ม.) มันจึงไม่น่าแปลกใจที่ลูกโด่งจะใช้เล่นงาน ลีลล์ ไม่ค่อยได้ผล แต่นอกจากเรื่องนี้แล้ว บอทแมน ยังเป็นเซ็นเตอร์ที่อ่านเกมได้ค่อนข้างดีทีเดียว เขาไม่ค่อยทิ้งตัวเข้าสกัดหรือวิ่งปรี่เข้าไปปะทะกับแนวรุกของคู่แข่งที่พยายามหาช่องทำประตู แต่เขาจะอาศัยการอ่านเกมและพิจารณาว่าบอลจะมาสู่ผู้เล่นคนไหนหรือจะถูกผ่านไปที่พื้นที่ว่างส่วนไหนของสนาม แล้วจึงค่อยดักเอาบอลมาเป็นของตัวเอง
  3. จุดอ่อน
    บอทแมน ไม่ใช่กองหลังที่เร็วมากเท่าไหร่นักและเขายังดูมีปัญหาพอสมควรเมื่อต้องเจอกับสถานการณ์ที่ต้องรับมือกับตัวรุกของคู่แข่งแบบ 1 ต่อ 1 บ่อยครั้งที่เขามักจะเลือกร่นลงไปเพื่อปิดช่องว่างระหว่างลูกบอลและประตูของฝั่งตัวเอง ซึ่งบางครั้งมันก็ไม่ได้ผลดีเสมอไปเพราะมันอาจจะเป็นการเปิดพื้นที่และให้เวลาคู่แข่งได้เลือกวิธีการเข้าทำได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่ก็อีกนั่นแหละ เขาเพิ่งจะอายุเพียง 21 ปีเท่านั้นและใครจะไปรู้ว่าในอนาคตข้างหน้า เขาจะไปได้ไกลกว่านี้อีกเพียงไหนเชียว